เป็นโรคข้อเรื้อรังที่พบมากที่สุด
พบบ่อยที่ข้อเข่า ข้อมือและข้อสะโพก พบมากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
เพศหญิงพบมากกว่าเพศชาย การเสื่อมของข้อจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ การดำเนินโรคใช้ระยะ
เวลานานหลายปีกว่าจะเริ่มแสดงอาการปวด
โรคข้อเสื่อมเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ข้อเสื่อม
เกิดจากการที่กระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลายจากการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมี
และทางชีวกลศาสตร์ภายในข้อและภายในร่างกาย
ทำให้ไม่สามารถซ่อมแซมกระดูกอ่อนผิวข้อได้ทันกับการถูกทำลาย
เนื่องจากกระดูกอ่อนผิวข้อมีเลือดมาเลี้ยงน้อย เซลล์กระดูกอ่อนได้รับสารอาหารและออกซิเจนไม่เพียงพอ
ทำให้ไม่สามารถสังเคราะห์สารต่างๆที่จำเป็นในการซ่อมแซมกระดูกอ่อนผิวข้อได้
ส่งผลให้ข้อที่เสื่อมไม่สามารถรับน้ำหนักที่เกิดจากการทำกิจวัตรประจำวันได้
กระดูกอ่อนผิวข้อ
นอกจากมีเลือดมาเลี้ยงน้อยแล้ว ยังไม่มีเซลล์ประสาทรับความรู้สึกเจ็บปวดอยู่ด้วย ผู้ที่มีข้อเสื่อมในระยะแรกจึงไม่เกิดอาการปวด
จนกว่าข้อที่เสื่อมจะเกิดกระบวนการในการอักเสบ มีหลอดเลือดและเส้น ประสาทงอกเข้าไป
หรือผิวข้อสึกรุนแรงมากจนถึงเนื้อกระดูกใต้กระดูกอ่อนผิวข้อ
ผู้ป่วยจึงจะเกิดอาการปวด
อะไรคือปัจจัยเสี่ยงของโรคข้อเสื่อม?
·
อายุ ยิ่งอายุมาก ยิ่งมีโอกาสเกิดข้อเสื่อมมาก
·
เพศหญิง มีโอกาสเกิดข้อเสื่อมมากกว่าเพศชาย
·
ระดับการทำกิจกรรมในแต่ละวันสูง
การเล่นกีฬาที่ทำให้เกิดแรงกระทำต่อข้อมาก
·
โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
·
เคยได้รับบาดเจ็บที่ข้อนั้นๆมาก่อน
·
แนวกระดูกที่ประกอบเป็นข้อผิดรูป เช่น
มีเข่าโก่ง
·
กรรมพันธุ์
·
เยื่อบุข้ออักเสบเรื้อรัง
โรคข้อเสื่อมมีอาการอย่างไร?
ผู้ที่มีข้อเสื่อม
อาจมีอาการต่อไปนี้ คือ
·
อาการปวดข้อ เป็นอาการหลัก โดยจะมีอาการปวดเป็นๆหายๆ
ยกเว้นช่วงที่ข้ออยู่ในระยะอักเสบจะมีอาการปวดข้อตลอดเวลา อาการปวดจะรุนแรงมากขึ้นขณะนั่งยองๆ คุกเข่า
ขัดสมาธิ พับเพียบเป็นเวลานาน เมื่อลุกขึ้นจะเกิดอาการปวดข้อมาก
·
อาจได้ยินเสียงลั่นในข้อ
·
ข้อติดขยับข้อได้ยาก
โดยเฉพาะในช่วงเช้าหลังตื่นนอน แต่เมื่อขยับข้อนั้นๆสักพักก็สามารถขยับข้อได้เป็นปกติ
·
ข้อบวมขึ้น
เนื่องจากมีน้ำเลี้ยงข้อเพิ่มขึ้นในระยะที่ข้ออักเสบ
·
ถ้าข้อเสื่อมรุนแรง
อาจได้ยินเสียงกรอบแกรบในข้อเวลาที่มีการเคลื่อน ไหวข้อนั้นๆ
·
ข้อเคลื่อนไหวได้น้อยลง
เนื่องจากกระดูกอ่อนผิวข้อหลุดออกมาเป็นชิ้นเข้าไปแทรกระหว่างข้อ
มีวิธีดูแลโรคข้อเสื่อมเบื้องต้นอย่างไร?
การดูแลรักษาเบื้องต้นของโรคข้อเสื่อมที่สำคัญ
ได้แก่
·
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดอาการปวดข้อ
เช่นการนั่งยอง คุกเข่า ขัดสมาธิ พับเพียบ
·
งดเว้นกิจกรรมหรือเล่นกีฬาที่ทำให้เกิดแรงกระทำต่อข้อมากๆ
·
กิน ยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol)
เมื่อใดควรไปพบแพทย์?
ควรไปพบแพทย์
ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้
·
ข้อบวมมาก
·
ข้อติด
เนื่องจากกระดูกอ่อนผิวข้อหลุดออกมาเป็นชิ้นเข้าไปแทรกระหว่างข้อ
·
อาการปวดข้อไม่บรรเทา หรือรุนแรงมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น